วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Contemporary Thai Design

Contemporary Thai Design

มิวเซียมสยาม













ิวเซียมสยาม หรือ พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้

เป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บนถนนสนามไชย กรุงเทพมหานคร

เปิดให้บริการเมื่อ 2 เมษายน .. 2551

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบโต้ตอบโดยใช้ตัวละคร

7 ตัวเป็นตัวกลาง มิวเซียมสยาม ดูแลโดย

สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ


มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้นี้

ถือเป็นแหล่งการเรียนรู้หนึ่งที่เน้นจุดมุ่งหมายในการ

แสดงตัวตนของชนในชาติซึ่งจะทำให้ผู้เข้าชม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เข้าชมที่อยู่ในวัยเด็กและ

เยาวชนได้เรียนรู้รากเหง้าของชาวไทย

โดยเน้นไปที่กลุ่มชนในเขตเมืองบางกอกหรือที่เรียกใน

ปัจจุบันว่า “ กรุงเทพมหานครเป็นสำคัญ

เนื่องจากตัวมิวเซียมสยามแห่งนี้ได้ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร

แต่มิได้หมายความว่าถ้าเป็นคนไทยต่างจังหวัดจะไม่สามารถมาเรียนรู้จาก

พิพิธภัณฑ์นี้ได้ ด้วยเพราะสิ่งที่จัดแสดงในมิวเซียมสยามนี้

แสดงถึงความเป็นมาของชนชาติไทย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

ผ่านการนำเสนอด้วยสื่อผสมหลายรูปแบบ ทำให้มีความน่าสนใจและดึงดูด

ใจผู้เข้าชมได้เป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังตั้งอยู่ในสถานที่สวยงาม















พื้นที่จัดแสดง

อาคารกระทรวงพาณิชย์เดิมภายในมิวเซียมสยามเป็นอาคาร 3 ชั้น

มีห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวรทั้งหมด 17 ห้อง ภายใต้หัวข้อ

"เรียงความประเทศไทย"


การจัดแสดง

การจัดพื้นที่ภายในแบ่งเป็นเนื้อหาย่อย 17 ธีม ในรูปแบบ

"เรียงความประเทศไทย" ให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้ผ่านสื่อต่าง ได้แก่

- เบิกโรง (Immersive Theater)

- ไทยแท้ (Typically Thai)

- เปิดตำนานสุวรรณภูมิ (Introduction to Suvarnabhumi)

- สุวรรณภูมิ(Suvarnabhumi)

- พุทธิปัญญา (Buddhism)

- กำเนิดสยามประเทศ (Founding of Ayutthaya)

- สยามประเทศ (Siam)

- สยามยุทธ์ (War Room)

- แผนที่ ความยอกย้อนบนแผ่นกระดาษ (Map Room)

- กรุงเทพฯ ภายใต้ฉากอยุธยา (Bangkok, New Ayutthaya)

- ชีวิตนอกกรุงเทพฯ (Village Life)

- แปลงโฉมสยามประเทศ (Change)

- กำเนิดประเทศไทย (Politics & Communications)

- สีสันตะวันตก (Thailand and the World)

- เมืองไทยวันนี้ (Thailand Today)

- มองไปข้างหน้า (Thailand Tomorrow)

- (ของแถม)ตึกเก่าเล่าเรื่อง

ในการเข้าชมมิวเซียมสยามนั้น ทางพิพิธภัณฑ์จะให้เริ่มชมจากชั้น 1

ต่อไปยังชั้น 3และลงมาสิ้นสุดที่ชั้น 2 ตามลำดับการชม











ชั้น 1

- ตึกเก่าเล่าเรื่อง ห้องจัดแสดงความเป็นมาของอาคารกระทรวงพาณิชย์เดิม

การบูรณะซ่อมแซม รวมถึงการกลายเป็นมิวเซียมสยามในปัจจุบัน

- เบิกโรง ห้องฉายภาพยนตร์สั้นเพื่อนำเข้าสู่การชมมิวเซียมสยาม

ผ่านตัวละครต่าง

- ไทยแท้ ห้องแสดงวัฒนธรรม เอกลักษณ์ของไทย

พร้อมการไขว่าแท้ที่จริงแล้ว

สิ่งเหล่านี้เป็นของไทยแท้หรือไม่


ชั้น 3

- เปิดตำนานสุวรรณภูมิ ห้องจัดแสดงที่ตั้งของดินแดนที่เรียกว่า

สุวรรณภูมิ ชาติพันธุ์ในดินแดนนี้

และวิธีการขุดค้นหลักฐานทางประวัติศาสตร์

- สุวรรณภูมิ ห้องจัดแสดงความเป็นอยู่ของผู้คนในสุวรรณภูมิ

การติดต่อกับต่างประเทศ และหลัก

ฐานประวัติศาสตร์สุวรรณภูมิ

- พุทธิปัญญา ห้องแสดงหัวใจพระพุทธศาสนาและเรื่องราวที่แสดงถึงสัจจธรรม

- กำเนิดสยามประเทศ ห้องแสดงเรื่องราวความเป็นมาอาณาจักรต่าง

ในดินแดนสยาม และตำนานต้นกำเนิดกรุงศรีอยุธยา

- สยามประเทศ ห้องแสดงเรื่องราวความเป็นอยู่ในสมัยอยุธยา

และรูปจำลองเรือแบบต่างๆ

ตั้งแต่เรือพื้นบ้านถึงเรือพระราชพิธี

- สยามยุทธ์ ห้องแสดงรูปแบบการรบ กำลังพล และการทำสงคราม

ในสมัยอยุธยา


ชั้น 2

- แผนที่ : ความยอกย้อนบนแผ่นกระดาษ ห้องแสดงแผนที่ประเทศไทยในสมัยต่าง

- กรุงเทพฯ ภายใต้ฉากอยุธยา ห้องแสดงเรื่องราวเมื่อสิ้นกรุงศรีอยุธยา

เริ่มตั้งกรุงธนบุรี จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ การอพยพของคนชาติต่าง ในสยาม

และการเปรียบเทียบว่ากรุงรัตนโกสินทร์เหมือนกับกรุงศรีอยุธยาอย่างไร

- ชีวิตนอกกรุงเทพฯ ห้องแสดงวิถีชีวิตของคนในชนบทนอกกรุงเทพฯ

โดยมีเรื่องข้าวเป็นหลัก

- แปลงโฉมสยามประเทศ ห้องแสดงการเปลี่ยนแปลงสยามในสมัยรัชกาลที่ 5

และเรื่องราวของถนนเจริญกรุง

- กำเนิดประเทศไทย ห้องแสดงเรื่องราวในสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็น

ระบอบประชาธิปไตย

- สีสันตะวันตก ห้องแสดงวัฒนธรรมตะวันตกที่เริ่มเข้ามาในประเทศไทย

- เมืองไทยวันนี้ ห้องอุโมงค์กระจกขนาดใหญ่ มีโทรทัศน์ขนาดเล็กรายล้อมทั่วห้อง

- มองไปข้างหน้า ห้องสำหรับแสดงความคิดเห็นของผู้เข้าชม

ด้วยระบบคอมพิวเตอร์แสดงข้อความบนผนัง














คนกบแดง

สัญลักษณ์สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ

คนทุกคนมีกำเนิดมาตัวเปล่าทั้งนั้น ยุคแรกเริ่มยังไม่รู้จักทำเครื่องนุ่งห่ม

จึงเป็นคนเปลือย เลยถูกเรียกจากคนอื่นที่มีอารยธรรมสูงกว่าว่า นาค

(นาคก็คืองู ไม่มีขน ไม่มีเกล็ด มีแต่หนังหุ้มและลอกได้ ตามกำหนด

ทั้งหมดเท่ากับเปลือยเปล่า และเป็นสัญลักษณ์ของน้ำที่อยู่ใต้ดิน คือบาดาล

กับบนฟ้า คือสวรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในอุษาคเนย์ต้องการเพื่อใช้เพาะปลูก

พืชพันธุ์ธัญญาหารตามฤดูกาล)

ฉะนั้น ตราสัญลักษณ์ จึงเป็นรูปคนที่ไม่ระบุเพศและเผ่าพันธุ์


รูปคนยืนกางแขน กางขา ทำท่าเป็นกบ เพราะกบ (รวมทั้งอึ่งอ่าง คางคก เขียด)

เป็นสัญลักษณ์ของน้ำ โดยเฉพาะน้ำฝน จึงมีรูปกบอยู่บนหน้ากลองทอง (สัมฤทธิ์)

หรือมโหระทึกของอุษาคเนย์ เพราะเป็น เครื่องมือเครื่องใช้ประโคมตีในพิธีกรรม

ขอฝนเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของชนทุกเผ่ายุคดึกดำบรรพ์ ไม่น้อยกว่า 3,000 ปีมาแล้ว

นอกจากยกย่องกบเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว คนในชุมชนยังร่วมกันเต้นฟ้อนทำท่าเป็นกบด้วย

มีภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตาม เพิงผา

และเถื่อนถ้ำตั้งแต่เขตมณฑลกวางสีถึงบริเวณประเทศไทย


พิพิธภัณฑ์จึงแสดงเรื่องราวของ "คน" เพื่อให้รู้และเข้าใจรากเหง้าเหล่ากอ

ความเป็นมาของบรรพชน ซึ่งล้วนเป็นคนพื้นเมืองของภูมิภาคอุษาอาคเนย์

โบราณ คนพวกนี้ประสมประสารกันทางเผ่าพันธุ์

สังคม และ วัฒนธรรม แล้วก่อบ้านสร้างเมืองขึ้นเป็นแว่นแคว้นหรือรัฐ

จนเป็นอาณาจักรแล้วดำรงเป็นประเทศสืบมาถึงทุกวันนี้